วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โลหะหนักที่เข้าสู่ร่างกาย

การดำเนินชีวิตประจำวันมีโลหะหนัก 2 ประเภทเข้าสู่ร่างกายของเรา
-อันแรกโลหะหนักที่เป็นพิษ  เช่น ตะกั่ว  แคดเมี่ยม  ปรอท  สารหนู
-อันที่สองโลหะหนักที่เป็นประโยชน์ เช่น  เหล็ก  ทองแดง

สารโลหะหนักที่เป็นพิษทำให้เกิดอาการผิดปกติ หรือมีอาการเจ็บป่วยเกิดจากตัวโลหะหนักเข้าไปอยู่ภายในเซลล์ จะเป็นตัวห้ามการทำงานของเอนไซม์ในร่างกาย  ทำให้ขบวนการเผาผลาญของเซลล์บกพร่อง  เป็นสาเหตุของการเกิดอาการผิดปกติ หรือมีอาการเจ็บป่วย

สารโลหะหนักที่เป็นประโยชน์ แต่กลับทำให้เกิดอาการผิดปกติ  เนื่องจากโลหะหนักนั้นไปอยู่ผิดที่ เช่นไปอยู่บนผนังเซลล์จะเป็นต้นเหตุให้เกิดความไม่สมดุลย์ของประจุไฟฟ้าบนผนังเซลล์  ทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันบนผนังเซลล์ผิดปกติ  เกิดการทำลายผนังเซลล์  เป็นผลให้ร่ายกายต้องซ่อมแซมด้วยคลอเลสเตอรอล  เช่นอยู่ที่ผนังหลอดเลือดก็จะทำให้หลอดเลือดมีขนาดรูเล็กลง

อาการที่พบเนื่องจากมีโลหะหนักในร่างกายเป็นพิษ
อาการเริ่มแรก  มักพบอาการความดันโลหิตสูง  ภาวะนอนไม่หลับ  อ่อนเพลียได้ง่าย
ระยะท้ายจะทำลายระบบประสาท  ระบบการไหลเวียนโลหิต  ระบบภูมิคุ้มกัน  โรคที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับโลหะหนัก มีโรคหัวใจ  ความดันโลหิตสูง  กระดูกเสื่อม  มะเร็ง  ผิวหนังบางชนิด  ออทิสติก  อัลไซเมอร์

โลหะหนักเข้าสู่ร่างกายในชีวิตประจำวันจาก  เครื่องสำอางค์  ลิปสติก  อาหารทะเล  อาหารกระป๋อง  น้ำดื่มที่ปนเปื้อนของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม  ยารักษาโรค  วัคซีน  ปุ๋ย  ยาฆ่าแมลง  ควันบุหรี่  ไอเสียเครื่องยนต์  สารอมันลกัมที่ใช้อุดฟัน

โลหะหนักพวก ตะกั่ว  แคดเมี่ยม และสารแร่ธาตุที่ใช้ในร่างกายเช่นเหล็ก  ทองแดง  ซึ่งมาจับผิดที่ในเซลล์หลอดเลือด  เป็นเหตุให้มีการเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) บนผนังเซลล์ทำให้เกิดการอักเสบของผนังเซลล์ของหลอดเลือด  เกิดความไม่เรียบของพื้นผิวหลอดเลือด  เป็นผลให้มีคลอเลสเตอรอลเกาะบนผนังหลอดเลือด  เพื่อทำให้ผนังหลอดเลือดเรียบขึ้น  แต่มีผลให้รูหลอดเลือดตีบลง นานเข้าก็จะมีหินปูนหรือแคลเซียมจับทำให้หลอดเลือดแข็ง

มีบางคนใช้สาร EDTA ขับสารโลหะหนักออกจากร่างกาย เรียกกันว่าวิธี "ฆีเลชั่น" ซึ่งเป็นสารโปรตีนสังเคราะห์เพื่อไปจับสารโลหะหนักที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายแล้วละลายออกมากับน้ำเหลืองในเส้นเลือด  และถูกขับออจากร่างกายทางไต  หรือใช้รวมกับการเซาว์น่า โดยไบโอ-สเปคตรัม อินฟาเรด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น